ประกาศิต “ผอ.สทท.สงขลา!!” เผยยังเมามันกับการใช้อำนาจป่วนฝ่ายข่าว แถมกระทบชิ่งไปถึงฝ่ายรายการ ส่งผลให้มือดีชักแถวหนี ล่าสุด หัวหน้าฝ่ายข่าวยันผู้ช่วยช่างภาพ และพนักงานขับรถสุดทนยื่นใบลาออกแล้ว ก่อนหน้าก็มีการย้ายฟ้าผ่าครั้งใหญ่กระเจิงไปถึง 4 คน เป็นระดับ
บก.ข่าวถึง 2 คน วงในเชื่อต้องการโละพวกไม่เห็นด้วยเพื่อตั้งคนใกล้ชิดเสียบ
กรณี
น.ส.ภาวิณี ศศานนท์ ผู้อำนวยการสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทยจังหวัดสงขลา
(สทท.สงขลา)
ถูกร้องเรียนว่าด้วยเรื่องของการบริหารงานที่หย่อนประสิทธิภาพ ขาดธรรมาภิบาล ทำให้เกิดความแตกแยกในหมู่บุคลากร
อีกทั้งยังส่อว่าจะใช้อำนาจหน้าที่ไปในทางมิชอบ ซึ่งส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ขององค์กรอย่างหนัก
แม้ผู้อำนวยการสำนักประชาสัมพันธ์เขต 6 จะชงเรื่องนี้ให้อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์รับทราบไปแล้ว แต่ก็กลับเกิดการปล่อยปละละเลยไม่ลงไปแก้ไข จนกลายเป็นวิกฤตปัญหาข้ามปีไปแล้วนั้น
ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าในเรื่องนี้ว่า ช่วงที่ความรู้สึกแห่งการเฉลิมฉลองในวาระปีใหม่ 2556 ยังไม่ทันจางหาย กลับมีบุคลากรของ สทท.สงขลา หรือที่มักเรียกกันว่าช่อง 11 หาดใหญ่ 2 คนได้ยื่นหนังสือขอลาออกแล้ว เพราะเบื่อที่จะทนกับสภาพของปัญหา และการไม่ใส่ใจของผู้บริหารต่อไปได้ โดย 1 ในนั้นถือเป็นข้าราชการที่เป็นเสาหลัก และเป็นที่รักของผู้คนในฝ่ายข่าวคือ นางอรอนงค์ คันทะชา หัวหน้าฝ่ายข่าว สทท.สงขลา กับอีกคนคือ นายบุรินทร์ พงษ์รัตน์ ผู้ช่วยช่างภาพทีวี และพนักงานขับรถยนต์ ซึ่งการลาออกของบุคคลทั้ง 2 จะมีผลสิ้นเดือน ม.ค.นี้ ขณะที่ น.ส.ภาวิณีที่ก็เสนอเรื่องการลาออกส่งไปยังระดับบนทันทีเช่นกัน
ความจริงแล้ว เรื่องการลาออกของทั้ง 2 คนเป็นที่รับรู้กันในฝ่ายข่าวช่อง 11 หาดใหญ่มาตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา โดยก่อนที่จะมีการยื่นหนังสือขอลาออกอย่างเป็นทางการต่อ ผอ.สทท.สงขลา ก็ได้มีการจัดเลี้ยงส่งกันตั้งแต่วันที่ 30 ธ.ค.2555 ช่วงฉลองส่งท้ายปีเก่า ซึ่งก็มีบุคลากรจากฝ่ายข่าว และจากฝ่ายรายการไปร่วมคึกคัก โดยในส่วนของนางอรอนงค์เป็นที่รับทราบกันในฝ่ายข่าวว่า มีสถานทูตทั้งระดับประเทศมหาอำนาจของโลก รวมถึงประเทศขนาดกลาง และเล็กหลายแห่งทาบทามดึงตัวไปทำงานด้วย ซึ่งช่วงปลายปีที่แล้ว นางอรอนงค์ก็เพิ่งได้รับเชิญให้ไปศึกษาดูงานที่สหรัฐอเมริกา
เป็นที่น่าสังเกตว่า ความขัดแย้งหลักภายใน สทท.สงขลา ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อเพียงองค์กรเท่านั้น แต่ยังกระทบชิ่งไปถึงหน่วยราชการ และองค์กรภาคเอกชนที่ต้องการให้ช่อง 11 หาดใหญ่ช่วยเหลืองานประชาสัมพันธ์ต่างๆ ที่เป็นเรื่องของส่วนรวม รวมถึงภาคธุรกิจที่เข้าไปขอใช้บริการช่องด้านการประชาสัมพันธ์ที่ต้องมีการควักค่าใช้จ่ายให้ด้วย โดยสิ่งที่ยืนยันได้คือ เสียงสะท้อนจากทั้งระดับผู้ว่าราชการจังหวัด หรือหัวหน้าส่วนราชการ และเรื่องเหล่านี้ได้ถูกนำเสนอไปถึงอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์แล้ว โดยเคยมีคำสั่งให้รองอธิบดีลงมาแก้ปัญหา แต่สุดท้ายเรื่องราวก็เงียบหายไปเหมือนไม่เคยเกิดปัญหาอะไรขึ้นใน สทท.สงขลา
เป็นที่รับรู้กันว่า สาเหตุหลักของความขัดแย้งภายใน สทท.สงขลา เกิดจาก น.ส.ภาวิณีใช้อำนาจเข้าแทรกแซงทั้งฝ่ายข่าว และฝ่ายรายการ โดยเฉพาะการมุ่งเน้นนโยบายที่เกี่ยวกับการหารายได้ หรือเรื่องเงินๆ ทองๆ ในส่วนของฝ่ายรายการนั้นสามารถควบคุมได้ แต่ฝ่ายข่าวค่อนข้างไม่เห็นด้วย ในที่สุด ก็เกิดการโยกย้ายครั้งใหญ่ โดยเมื่อวันที่ 9 ต.ค.2555 น.ส.ภาวิณีได้เซ็นคำสั่งย้ายบุคลากรจากฝ่ายข่าวให้ไปอยู่ฝ่ายรายการรวดเดียวถึง 4 คน ไล่ไปตั้งแต่ระดับบรรณาธิการข่าว จนถึงระดับผู้ช่วยช่างภาพ และพนักงานขับรถยนต์ ซึ่งสร้างความฮือฮาไม่น้อย และนำไปสู่หนังสือร้องเรียนตามมาหลายฉบับที่ถูกส่งไปถึงระดับกรม
สำหรับผู้ถูกคำสั่งย้ายฟ้าผ่าในครั้งใหญ่คราวนั้น ประกอบด้วย 1.นายเกชา โสภาวะนัส บรรณาธิการข่าวท้องถิ่นภาคใต้ 2.น.ส.ปิยาณี พินสุวรรณ บรรณาธิการข่าวท้องถิ่นประจำวัน 3.นายเกียรติศักดิ์ ทองเพ็ง ผู้ช่วยช่างภาพ และพนักงานขับรถยนต์ และ 4.นายบุรินทร์ พงษ์รัตน์ ผู้ช่วยช่างภาพ และพนักงานขับรถยนต์ โดยเป็นการย้ายบุคลากรออกไปจากฝ่ายข่าวดังกล่าวเป็นไปแบบไม่มีการหาคนมาทดแทนตำแหน่งที่ว่างลง อีกทั้งภายหลังถูกย้าย นายเกชาได้ก็ขอย้ายตัวเองจาก สทท.สงขลา ข้ามไปอยู่สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยจังหวัดสงขลา (สวท.สงขลา) และนายบุรินทร์ก็มาขอลาออกในที่สุด
เท่านั้นยังไม่พอ แค่พ้นช่วงต้อนรับปีใหม่ 2556 หมาดๆ น.ส.ภาวิณีก็มีคำสั่งย้ายอีกระลอก คราวนี้เป็นระดับผู้ช่วยช่างภาพ และคนขับรถยนต์อีกคนคือ นายพงษ์ศักดิ์ สโมสร จากฝ่ายข่าวให้ไปอยู่ฝ่ายรายการ สำหรับสาเหตุนั้นแม้ น.ส.ภาวิณีจะอ้างว่าเพื่อความเหมาะสมในการปฏิบัติงาน แต่ก็เป็นที่รับรู้กันว่า เกิดจากผู้ช่วยช่างภาพ และคนขับรถยนต์คนนี้เกี่ยวข้องโดยตรงกับกรณีเงินโอน 7 หมื่นบาทตามคำสั่งของ ผอ.สทท.สงขลา ที่สั่งการพร้อมกับคำข่มขู่ว่า หากไม่ทำจะปลดออก และต่อมา น.ส.ภาวิณีทราบเรื่องที่นายพงษ์ศักดิ์ได้ถูกผู้บังคับบัญชาเหนือขึ้นไปสั่งให้ทำหนังสือชี้แจงข้อเท็จจริงรายงานไปให้ทราบ
แหล่งข่าวในฝ่ายข่าว สทท.สงขลาให้ข้อมูลว่า นับตั้งแต่ น.ส.ภาวิณีมีคำสั่งย้ายบุคลากรฝ่ายข่าวไปถึง 4 คน ส่งผลให้บุคลากรที่เหลือต้องรับผิดชอบแบกรับภาระงานกันอย่างหนัก แต่ยังดีที่ยังมีหัวหน้าฝ่ายข่าวที่พร้อมจะนำพากันลุยฟันฝ่าอุปสรรค แต่พอนางอรอนงค์มาตัดสินใจลาออก พร้อมกับนายบุรินทร์หนนี้ ทำให้การทำงานของฝ่ายข่าวโอเวอร์โหลด และเกิดปัญหามากมายยิ่งขึ้น จนดูเหมือนว่า น.ส.ภาวิณีต้องการที่จะกดดันฝ่ายข่าวให้ถึงที่สุด เพื่อหวังดำเนินการบางอย่าง โดยเฉพาะการส่งคนใกล้ชิดเข้ามาดูแลเพื่อให้สามารถสั่งการได้ทั้งฝ่ายข่าว และฝ่ายรายการนั่นเอง
ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าในเรื่องนี้ว่า ช่วงที่ความรู้สึกแห่งการเฉลิมฉลองในวาระปีใหม่ 2556 ยังไม่ทันจางหาย กลับมีบุคลากรของ สทท.สงขลา หรือที่มักเรียกกันว่าช่อง 11 หาดใหญ่ 2 คนได้ยื่นหนังสือขอลาออกแล้ว เพราะเบื่อที่จะทนกับสภาพของปัญหา และการไม่ใส่ใจของผู้บริหารต่อไปได้ โดย 1 ในนั้นถือเป็นข้าราชการที่เป็นเสาหลัก และเป็นที่รักของผู้คนในฝ่ายข่าวคือ นางอรอนงค์ คันทะชา หัวหน้าฝ่ายข่าว สทท.สงขลา กับอีกคนคือ นายบุรินทร์ พงษ์รัตน์ ผู้ช่วยช่างภาพทีวี และพนักงานขับรถยนต์ ซึ่งการลาออกของบุคคลทั้ง 2 จะมีผลสิ้นเดือน ม.ค.นี้ ขณะที่ น.ส.ภาวิณีที่ก็เสนอเรื่องการลาออกส่งไปยังระดับบนทันทีเช่นกัน
ความจริงแล้ว เรื่องการลาออกของทั้ง 2 คนเป็นที่รับรู้กันในฝ่ายข่าวช่อง 11 หาดใหญ่มาตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา โดยก่อนที่จะมีการยื่นหนังสือขอลาออกอย่างเป็นทางการต่อ ผอ.สทท.สงขลา ก็ได้มีการจัดเลี้ยงส่งกันตั้งแต่วันที่ 30 ธ.ค.2555 ช่วงฉลองส่งท้ายปีเก่า ซึ่งก็มีบุคลากรจากฝ่ายข่าว และจากฝ่ายรายการไปร่วมคึกคัก โดยในส่วนของนางอรอนงค์เป็นที่รับทราบกันในฝ่ายข่าวว่า มีสถานทูตทั้งระดับประเทศมหาอำนาจของโลก รวมถึงประเทศขนาดกลาง และเล็กหลายแห่งทาบทามดึงตัวไปทำงานด้วย ซึ่งช่วงปลายปีที่แล้ว นางอรอนงค์ก็เพิ่งได้รับเชิญให้ไปศึกษาดูงานที่สหรัฐอเมริกา
เป็นที่น่าสังเกตว่า ความขัดแย้งหลักภายใน สทท.สงขลา ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อเพียงองค์กรเท่านั้น แต่ยังกระทบชิ่งไปถึงหน่วยราชการ และองค์กรภาคเอกชนที่ต้องการให้ช่อง 11 หาดใหญ่ช่วยเหลืองานประชาสัมพันธ์ต่างๆ ที่เป็นเรื่องของส่วนรวม รวมถึงภาคธุรกิจที่เข้าไปขอใช้บริการช่องด้านการประชาสัมพันธ์ที่ต้องมีการควักค่าใช้จ่ายให้ด้วย โดยสิ่งที่ยืนยันได้คือ เสียงสะท้อนจากทั้งระดับผู้ว่าราชการจังหวัด หรือหัวหน้าส่วนราชการ และเรื่องเหล่านี้ได้ถูกนำเสนอไปถึงอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์แล้ว โดยเคยมีคำสั่งให้รองอธิบดีลงมาแก้ปัญหา แต่สุดท้ายเรื่องราวก็เงียบหายไปเหมือนไม่เคยเกิดปัญหาอะไรขึ้นใน สทท.สงขลา
เป็นที่รับรู้กันว่า สาเหตุหลักของความขัดแย้งภายใน สทท.สงขลา เกิดจาก น.ส.ภาวิณีใช้อำนาจเข้าแทรกแซงทั้งฝ่ายข่าว และฝ่ายรายการ โดยเฉพาะการมุ่งเน้นนโยบายที่เกี่ยวกับการหารายได้ หรือเรื่องเงินๆ ทองๆ ในส่วนของฝ่ายรายการนั้นสามารถควบคุมได้ แต่ฝ่ายข่าวค่อนข้างไม่เห็นด้วย ในที่สุด ก็เกิดการโยกย้ายครั้งใหญ่ โดยเมื่อวันที่ 9 ต.ค.2555 น.ส.ภาวิณีได้เซ็นคำสั่งย้ายบุคลากรจากฝ่ายข่าวให้ไปอยู่ฝ่ายรายการรวดเดียวถึง 4 คน ไล่ไปตั้งแต่ระดับบรรณาธิการข่าว จนถึงระดับผู้ช่วยช่างภาพ และพนักงานขับรถยนต์ ซึ่งสร้างความฮือฮาไม่น้อย และนำไปสู่หนังสือร้องเรียนตามมาหลายฉบับที่ถูกส่งไปถึงระดับกรม
สำหรับผู้ถูกคำสั่งย้ายฟ้าผ่าในครั้งใหญ่คราวนั้น ประกอบด้วย 1.นายเกชา โสภาวะนัส บรรณาธิการข่าวท้องถิ่นภาคใต้ 2.น.ส.ปิยาณี พินสุวรรณ บรรณาธิการข่าวท้องถิ่นประจำวัน 3.นายเกียรติศักดิ์ ทองเพ็ง ผู้ช่วยช่างภาพ และพนักงานขับรถยนต์ และ 4.นายบุรินทร์ พงษ์รัตน์ ผู้ช่วยช่างภาพ และพนักงานขับรถยนต์ โดยเป็นการย้ายบุคลากรออกไปจากฝ่ายข่าวดังกล่าวเป็นไปแบบไม่มีการหาคนมาทดแทนตำแหน่งที่ว่างลง อีกทั้งภายหลังถูกย้าย นายเกชาได้ก็ขอย้ายตัวเองจาก สทท.สงขลา ข้ามไปอยู่สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยจังหวัดสงขลา (สวท.สงขลา) และนายบุรินทร์ก็มาขอลาออกในที่สุด
เท่านั้นยังไม่พอ แค่พ้นช่วงต้อนรับปีใหม่ 2556 หมาดๆ น.ส.ภาวิณีก็มีคำสั่งย้ายอีกระลอก คราวนี้เป็นระดับผู้ช่วยช่างภาพ และคนขับรถยนต์อีกคนคือ นายพงษ์ศักดิ์ สโมสร จากฝ่ายข่าวให้ไปอยู่ฝ่ายรายการ สำหรับสาเหตุนั้นแม้ น.ส.ภาวิณีจะอ้างว่าเพื่อความเหมาะสมในการปฏิบัติงาน แต่ก็เป็นที่รับรู้กันว่า เกิดจากผู้ช่วยช่างภาพ และคนขับรถยนต์คนนี้เกี่ยวข้องโดยตรงกับกรณีเงินโอน 7 หมื่นบาทตามคำสั่งของ ผอ.สทท.สงขลา ที่สั่งการพร้อมกับคำข่มขู่ว่า หากไม่ทำจะปลดออก และต่อมา น.ส.ภาวิณีทราบเรื่องที่นายพงษ์ศักดิ์ได้ถูกผู้บังคับบัญชาเหนือขึ้นไปสั่งให้ทำหนังสือชี้แจงข้อเท็จจริงรายงานไปให้ทราบ
แหล่งข่าวในฝ่ายข่าว สทท.สงขลาให้ข้อมูลว่า นับตั้งแต่ น.ส.ภาวิณีมีคำสั่งย้ายบุคลากรฝ่ายข่าวไปถึง 4 คน ส่งผลให้บุคลากรที่เหลือต้องรับผิดชอบแบกรับภาระงานกันอย่างหนัก แต่ยังดีที่ยังมีหัวหน้าฝ่ายข่าวที่พร้อมจะนำพากันลุยฟันฝ่าอุปสรรค แต่พอนางอรอนงค์มาตัดสินใจลาออก พร้อมกับนายบุรินทร์หนนี้ ทำให้การทำงานของฝ่ายข่าวโอเวอร์โหลด และเกิดปัญหามากมายยิ่งขึ้น จนดูเหมือนว่า น.ส.ภาวิณีต้องการที่จะกดดันฝ่ายข่าวให้ถึงที่สุด เพื่อหวังดำเนินการบางอย่าง โดยเฉพาะการส่งคนใกล้ชิดเข้ามาดูแลเพื่อให้สามารถสั่งการได้ทั้งฝ่ายข่าว และฝ่ายรายการนั่นเอง
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็นทั่วไป ใช้คำสุภาพ