วันอาทิตย์ที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

“ทศพร” แก้ต่างแทน “อัญชลี” ไม่มีเอี่ยวนำเข้าน้ำมันปาล์ม


“ทศพร เทพบุตร” ส.ส.ภูเก็ต แก้ต่าง “อัญชลี วานิช เทพบุตร” ไม่มีเอี่ยวกับการขาดแคลนน้ำมันปาล์ม เผย ครอบครัวภรรยาทำแต่สวนปาล์ม และโรงงานสกัด ไม่สามารถกักตุนน้ำมันปาล์มได้ ต้องส่งโรงงานกลั่นในภายกลางภายใน 7-10 วัน

เมื่อวันที่ 22 ก.พ.54 ที่ห้องรับรองศาลากลางจังหวัดภูเก็ต นายทศพร เทพบุตร ส.ส.ภูเก็ต พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีปัญหาขาดแคลนน้ำมันปาล์ม และมีการออกมาระบุว่า ส.ส.ในส่วนของภาคใต้ รวมทั้ง นางอัญชลี วานิช เทพบุตร เลขาธิการนายกรัฐมนตรีมีส่วนเกี่ยวข้องกับการขาดแคลนน้ำมันปาล์ม ว่า ในเรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด ถือว่าเป็นการกล่าวหาที่เลอะเทอะมาก เพราะกรณีครอบครัวคุณอัญชลี นั้นที่เกี่ยวข้องกับเรื่องของปาล์ม เฉพาะในส่วนที่เป็นเกษตรกรผู้ผลิต และมีโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มเท่านั้น ไม่ได้มีโรงงานกลั่นน้ำมันปาล์ม ซึ่งน้ำมันปาล์ม เมื่อสกัดออกแล้วจะต้องรีบส่งให้กับโรงกลั่นน้ำมันภายในระยะเวลา 7-10 วัน มิฉะนั้นน้ำมันจะมีปัญหา จึงไม่สามารถเก็บสต็อกไว้ได้นานๆ เพราะจะทำให้มีกลิ่นหืน และหากมีการเติมสารเคมีก็จะเป็นการไปทำให้ต้นทุนในการกลั่นสูงขึ้น

ส่วนกรณีที่ว่า ส.ส.ในภาคใต้เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องก็เป็นเรื่องยาก เพราะภาคใต้เป็นเพียงพื้นที่ในการปลูกเท่านั้น แต่ขั้นตอนในการกลั่นจะอยู่ในพื้นที่ภาคกลาง เพราะโรงงานกลั่นส่วนใหญ่จะตั้งอยู่ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

นายทศพร กล่าวว่า สาเหตุที่น้ำมันปาล์มขาดแคลนอย่างหนักในขณะนี้ เป็นผลต่อเนื่องมาจากปีที่แล้วเกิดปัญหาภัยแล้งอย่างหนัก ทำให้ผลผลิตปาล์มออกน้อย เนื่องจากเมื่อปลูกปาล์มแล้วจะต้องใช้เวลาประมาณ 10 เดือน จึงจะได้ผลผลิต ดังนั้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็น่าจะทราบปัญหาดังกล่าวแล้วล่วงหน้า ส่วนตัวจึงคิดว่าความผิดพลาดที่เกิดขึ้นมาจากกลไกของหน่วยงานภาครัฐผิดชอบ โดยเฉพาะกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ เห็นได้จากกรณีของการขาดแคลนอ้อยทำไมจึงมีการเตรียมรับมือได้

นายทศพร กล่าวเพิ่มเติมด้วยว่า เท่าที่ทราบปริมาณน้ำมันปาล์มที่หายไปนั้นไม่น่าจะต่ำกว่า 50,000 ตัน ซึ่งถือว่าเป็นปริมาณมาก ไม่ทราบเหมือนกันว่าหายไปไหน ในส่วนนี้เชื่อว่าหากตรวจสอบกันอย่างจริงจังก็น่าจะทำได้ เพราะในการผลิตนั้นมีกระบวนการหรือขั้นตอนอยู่แล้ว ส่วนการนำเข้าน้ำมันปาล์มจากต่างประเทศนั้นเห็นด้วยแต่ปริมาณที่เสนอให้มีการนำเข้า 120,000 ตัน ถือว่าสูงเกินไป

โดยส่วนตัวคิดว่าน่าจะนำเข้าเพียงประมาณ 30,000-50,000 ตัน ก็น่าจะเพียงพอ เพราะในช่วงประมาณเดือนมีนาคม-พฤษภาคมนี้ จะมีผลผลิตรอบใหม่ออกมา

แต่อย่างไรก็ตาม ก็ต้องเตรียมพร้อมรับมือผลผลิตรอบใหม่ในปีหน้าด้วย เนื่องจากขณะนี้กรมอุตุนิยมวิทยา ได้แจ้งแล้วว่า จะเกิดภัยแล้งค่อนข้างยาว และจะตรงกับช่วงที่ปาล์มออกดอก ดังนั้นก็ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด

ข้อมูลจาก...ผู้จัดการ ออนไลน์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ความคิดเห็นทั่วไป ใช้คำสุภาพ