วันจันทร์ที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

กำแพงเมืองสงขลา 174 ปีพัง หลังฝนหนักติดต่อกันหลายวัน


วันที่ 30 ต.ค.53 เกิดเหตุกำแพงเมืองสงขลา ซึ่งตั้งอยู่บริเวณถนนจะนะ หน้าพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติสงขลา พังลงมาได้รับความเสียหาย โดยจุดที่พังเสียหายอยู่บริเวณกึ่งกลางของกำแพงความยาวประมาณ 4 เมตรและสูงจากพื้นจนถึงใบเสมาประมาณ7 เมตร เศษหินกระจายลงมาอยู่บนถนน โดยคาดว่ามีสาเหตุมาจากฝนที่ตกลงมาอย่างหนักและต่อเนื่องในช่วง 2 วันที่ผ่านมา ทำให้ตัวกำแพงซึ่งมีอายุเก่าแก่กว่า 174 ปี และสร้างด้วยหินสอปูน ถูกน้ำกัดเซาะจนทำให้ตัวกำแพงบางส่วนที่กำลังเริ่มเสื่อมสภาพพังลงมา และจากการตรวจสอบยังพบว่าบริเวณตัวกำแพงความยาวกว่า 148 เมตร ยังมีรอยปริอีกหลายจุดเสี่ยงต่อการพังเสียหายหากฝนยังตกหนักต่อเนื่อง

หลังเกิดเหตุทางเทศบาลนครสงขลาได้เข้าสำรวจความเสียหาย เพื่อที่จะทำเรื่องเสนอไปยังกรมศิลปากร เพื่อดำเนินการบูรณะซ่อมแซมต่อไป ทั้งนี้ปัจจุบันกำแพงเมืองสงขลาได้ถูกยกขึ้นเป็นโบราณสถานเรียบร้อยแล้ว

สำหรับประวัติความเป็นมาของกำแพงเมืองสงขลา สมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ มีท้องตราลงมาให้พระยาวิเชียรคีรี (เถี้ยนเส้ง) สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ.2379 โดยพระราชทานยกเงินภาษีอากรเมืองสงขลาให้ 200 ชั่ง แต่ก่อกำแพงไม่ทันแล้วเสร็จ หัวเมืองมลายูเป็นกบฏ (พ.ศ.2381) ยกทัพมาเผาเมืองจะนะแล้วเลยเข้าตีเมืองสงขลา พระยาวิเชียรคีรี (เถี้ยนเส้ง) รักษาเมืองไว้จนทัพหลวงจากรุงเทพฯ ยกลงมาช่วยตีทัพกบฏมลายูแตกกลับไป และทัพหลวงจึงได้ช่วยก่อกำแพงเมืองสงขลาจนสำเร็จเมื่อ พ.ศ.2385

ความสำคัญทางประวัติศาสตร์ กำแพงเมืองสงขลาก่อด้วยหินสอปูน มีเชิงเทินใบเสมาเป็นรูปป้อม มีป้อม 8 ป้อม แต่ละป้อมมีปืนใหญ่กระสุน 4 นิ้ว ป้อมละ 3-4กระบอก ประตูเมืองเป็นซุ้มใหญ่ 10 ประตู กับมีประตูเล็กอีก 10 ประตูโดยรอบ แต่ขณะนี้เหลือแต่กำแพงด้านถนนจะนะ ตรงข้ามพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติสงขลา กับที่ถนนนครในเท่านั้น

ข้อมูล...ผู้จัดการ ออนไลน์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ความคิดเห็นทั่วไป ใช้คำสุภาพ