ผู้ประกอบการฟาร์มเลี้ยงหอยมุกครบวงจรที่ภูเก็ตเผยภาวะโลกร้อน น้ำในทะเลมีอุณหภูมิสูงส่งผลกระทบหอยมุกที่เลี้ยงตาย 100% เสียหายกว่า 50 ล้านบาท หาทางออกด้วยการเปลี่ยนระยะเวลาเลี้ยงให้สามารถเก็บผลิตได้ก่อนที่จะเข้าช่วงฤดูร้อน
นายอมร อินทรเจริญ ประธานกรรมการบริษัทภูเก็ตไข่มุก จำกัด อ.เมือง จ.ภูเก็ต ซึ่งเป็นผู้ประกอบการฟาร์มเพาะเลี้ยงหอยมุกแบบครบวงจรที่ จ.ภูเก็ต กล่าวถึงผลกระทบจากสภาวะโลกร้อนที่เกิดขึ้นว่า จากสถานการณ์โลกร้อนที่เกิดขึ้นในปัจจุบันได้ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อการเลี้ยงหอยมุกในทะเล
ที่ผ่านมาทุกๆ ปี การเลี้ยงหอยมุกในทะเลซึ่งดำเนินการอยู่บริเวณเกาะมะพร้าว ต.เกาะแก้ว อ.เมือง จ.ภูเก็ต รวมทั้งกลุ่มผู้เลี้ยงหอยทั่วไปมักจะได้รับผลกระทบจากปัญหาน้ำทะเลร้อนในช่วงเดือนเม.ย.- มิ.ย.อยู่แล้ว เนื่องจากน้ำทะเลที่ร้อนขึ้น ทำให้หอยที่เลี้ยงอยู่ในทะเลซึ่งเป็นฟาร์มได้รับความเสียหาย โดยในแต่ละปีพบว่าหอยที่เลี้ยงไว้จะได้รับความเสียหายประมาณ 60%
แต่ในปีนี้พบว่าอุณหภูมิน้ำทะเลสูงขึ้นมากอย่างผิดสังเกต โดยอุณหภูมิอยู่ที่กว่า 30 องศาเซลเซียส ทำให้ปะการังในทะเลเกิดการฟอกขาวจำนวนมาก และเมื่อเกิดการฟอกขาวไปนานๆ ก็จะทำให้ปะการังบางส่วนตาย ซึ่งในส่วนของผู้ประกอบการที่เลี้ยงหอยมุกเพื่อที่จะเก็บเม็ดมุกก็ได้รับความเดือดร้อนจากภาวะโลกร้อนด้วยเช่นกัน
โดยในปีนี้จากการสำรวจเรื่องของอุณหภูมิในทะเลพบว่า อุณหภูมิน้ำทะเลสูงกว่าทุกๆ ปีที่ผ่านมา ส่งผลให้หอยมุกที่เลี้ยงอยู่ในทะเลตาย 100% สร้างความเสียหายประมาณ 50-60 ล้านบาท
นายอมรกล่าวต่อว่า สำหรับการเลี้ยงหอยมุกในทะเลเพื่อลดความสูญเสียเนื่องจากภาวะโลกร้อนที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วงเดือน เม.ย.เป็นต้นไป ทางผู้ประกอบการต้องปรับปรุงช่วงระยะเวลาในการเลี้ยงใหม่ เพื่อเพิ่มทางรอดให้กับหอยและลดความสูญเสียที่เกิดขึ้นจากภาวะโลกร้อนที่นับวันจะทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
โดยการเลี้ยงนั้นจะต้องทำให้สามารถเก็บผลผลิตได้ก่อนที่จะเข้าสู่เดือน เม.ย.ของทุกปี ซึ่งขณะนี้เริ่มดำเนินการแล้ว เชื่อว่าหากกำหนดระยะเวลาในการเลี้ยงให้ลงในช่วงที่เหมาะสมได้ก็จะทำให้ความเสียหายที่เกิดขึ้นจากผลกระทบของภาวะโลกร้อนหมดไปอย่างแน่นอน
ข้อมูล...ผู้จัดการ ออนไลน์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็นทั่วไป ใช้คำสุภาพ