วันอังคารที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2556

ล้างบางมาเฟียภูเก็ต “แท็กซี่ป้ายดำ”



จ.ภูเก็ต แหล่งท่องเที่ยวสำคัญ ที่สร้างเงินสร้างรายได้จำนวนมหาศาล เข้าสู่ประเทศและผู้ที่ทำธุรกิจเกี่ยวเนื่องมากมาย ทำให้ผู้คนทั้งที่เป็นคนท้องถิ่นและชาวต่างชาติ เข้ามาทำธุรกิจกอบโกยรายได้จำนวนมาก และมีการตั้งกลุ่มก้อนผูกขาดหาผลประโยชน์แตกต่างกันไป โดยบางรายก็หากินแบบเงียบๆบางรายสร้างปัญหา จนมีการร้องเรียนเจ้าหน้าที่ ซึ่ง แท็กซี่ป้ายดำก็เป็นหนึ่งในกลุ่มที่โดนนักท่องเที่ยวร้องเรียนด้วย
      
       รัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา สมศักย์ ภูรีศรีศักดิ์ควงแขน ธาริต เพ็งดิษฐ์อธิบดีกรมสวบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ ลงพื้นที่ภูเก็ต เมื่อวันที่ 25 ก.ค.2556 พร้อมกับประกาศกร้าว ล้างบางแบบถอนรากถอนโคนกลุ่มรถแท็กซี่ป้ายดำ หรือ แท็กซี่เถื่อน ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ที่ทำตัวเป็นมาเฟีย ข่มขู่ ทำร้ายนักท่องเที่ยวต่างชาติ ให้ใช้บริการรถแท็กซี่ป้ายดำของตัวเอง ที่อยู่ตามหน้าโรงแรมและชายหาดต่างๆ บนเกาะภูเก็ต
      
       ดีเอสไองัดกฎหมาย 3 ฉบับถอนรากถอนโคน
      
       กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และดีเอสไอขอเวลา 15 วันหลังจากวันที่ 25 ก.ค.เตรียมความพร้อมเปิด ศูนย์ปฏิบัติการร่วมเพื่อป้องกันและปราบปรามผู้มีอิทธิพลที่เป็นภัยต่อการท่องเที่ยวหรือ ศอ.ปท.ที่สนามบินภูเก็ต เพื่อให้เป็นศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ต่างๆ จากนักท่องเที่ยวที่ได้รับความเดือดร้อนจากแท็กซี่ป้ายดำ ตลอด 24 ชั่วโมง โดยศูนย์ดังกล่าวจะประสานความร่วมมือในการทำงานแก้ปัญหาของ 4 หน่วยงานหลัก คือ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กรมสอบสวนคดีพิเศษ จังหวัดภูเก็ต ซึ่งรวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หมายรวมถึงตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ตและตำรวจท่องเที่ยวที่รู้จักพื้นที่เป็นอย่างดี ทำงานแก้ปัญหาร่วมกัน
      
       ทั้งนี้ ใช้กฎหมาย 3 ฉบับในการล้างบางแท็กซี่ป้ายดำแบบถอนรากถอนโคน ประกอบด้วย กฎหมายอาญาที่เกี่ยวกับการกรรโชกทรัพย์ กฎหมายอาญาที่เกี่ยวกับอั้งยี่ซ่องโจร และกฎหมายฟอกเงิน เพื่อดำเนินการขั้นเด็ดขาดและจัดเต็มกับกลุ่มแท็กซี่ป้ายดำที่ทำตัวเป็นมาเฟีย เพราะถ้าใช่เฉพาะกฎหมายอาญาเพียงอย่างเดียว เมื่อถึงขั้นศาลอาจจะตัดสินให้รอลงอาญาเพราะทำผิดเป็นครั้งแรกหรือติดคุกไม่กี่เดือน ซึ่งจะทำให้มาเฟียกลุ่มนี้ไม่เกรงกลัวกฎหมาย จึงต้องนำกฎหมายฟอกเงินมายึดทรัพย์สิน ที่เป็นรถยนต์ที่ใช้ในการรับส่งนักท่องเที่ยวและบัญชีเงินฝากไปตรวจสอบ
      
       ข่มขู่นักท่องเที่ยวตั้งแต่สนามบิน-หน้าโรงแรม
      
       ทำไม ดีเอสไอต้องจัดหนักจัดเต็มกับแท็กซี่ป้ายดำในภูเก็ต ด้วยการงัดกฎหมายทุกฉบับที่คิดว่าจะสามารถถอนรากถอนโคนผู้ประกอบการกลุ่มนี้ คำตอบเป็นที่รู้ๆ กันอยู่แล้ว ว่า แท็กซี่ป้ายดำกลุ่มนี้ ทำตัวเป็นมาเฟีย เป็นผู้มีอิทธิพลมายาวนาน สร้างความเดือดร้อนให้กับนักท่องเที่ยว และทำลายภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของภูเก็ต
      
       ตั้งแต่ก้าวแรกที่่นักท่องเที่ยวเหยียบผืนแผ่นดินภูเก็ต มาเฟียกลุ่มนี้ก็เริ่มปฏิบัติการทันที่ ที่สนามบินภูเก็ต ด้วยการข่มขู่ ฉุดกระชากลากถู อุ้ม ทำทุกวิถีทาง ถึงขั้นใช้อาวุธบังคับนักท่องเที่ยวให้ใช้บริการรถของตัวเอง เรียกเก็บค่าโดยสารที่แพงมหาโหด ทำให้นักท่องเที่ยวเกิดภาวะจำยอมต้องโดยสารรถแท็กซี่ป้ายดำดังกล่าว
      
       ไม่หยุดแค่สนามบินเท่านั้น แท็กซี่ป้ายดำยังกระจายอยู่ตามชายหาด หน้าโรงแรม ทั่วทั้งเกาะภูเก็ต ที่มีนักท่องเที่ยว เมื่อมีโรงแรมเปิดใหม่กลุ่มแท็กซี่ป้ายดำก็จะเข้าไปจับจองพื้นที่ทางเข้าโรงแรมตั้งซุ้มไม้ไผ่จัดตั้งเป็นคิวให้บริการเกือบทุกโรงแรมที่เป็นโรงแรมขนาดใหญ่ คอยให้บริการนักท่องเที่ยว ห้ามรถจากที่อื่นเข้ามารับนักท่องเที่ยวโดยเด็ดขาด แม้แต่โรงแรมหากนำรถจากที่อื่นมาบริการนักท่องเที่ยวก็ไม่ได้ ถ้าจะให้บริการจะต้องเป็นรถของโรงแรมเท่านั้น มิฉะนั้นกลุ่มแท็กซี่ป้ายดำจะรวมตัวกันปิดทางเข้าโรงแรมทันที
      
       นอกจากนี้ หากนักท่องเที่ยวฝ่าฝืนกฎที่กลุ่มแท็กซี่ป้ายดำกำหนดขึ้นมาด้วยการใช้บริการรถของที่อื่น จะต้องถูกกระชากลากถูลงจากรถ หรือไม่ก็เข้าทำร้ายร่างกายนักท่องเที่ยว คนขับรถ บางคันทิ้งนักท่องเที่ยวกลางทาง ลวนลามนักท่องเที่ยว และที่ซ้ำร้ายไปกว่านั้นและเป็นเรื่องที่น่าละอายที่สังคมยอมรับไม่ได้ คือการกีดกันไม่ให้รถพยาบาลฉุกเฉินเข้าไปรับผู้ป่วยในโรงแรม นักท่องเที่ยวจะป่วยหรือปกติถ้าจะออกจากโรงแรมต้องใช้รถแท็กซี่ป้ายดำหน้าโรงแรมเท่านั้น
      
       เหตุการณ์ในลักษณะนี้เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าในพื้นที่ต่างๆ ของภูเก็ต เอเยนต์ทัวร์ในต่างประเทศ สถานทูต สถานกงสุล นักท่องเที่ยว ร้องเรียนแล้วร้องเรียนอีกไปยังหน่วยงานในพื้นที่ภูเก็ต และระดับกระทรวงในส่วนกลางทั้งกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงการต่างประเทศ ททท. ปัญหาก็ไม่ได้รับการแก้ไข กลุ่มแท็กซี่ป้ายดำยังคงเหิมเกริมใช้อิทธิพลข่มขู่นักท่องเที่ยว โรงแรม หน่วยงานภาครัฐ โดยอ้างว่าเป็นคนท้องถิ่นต้องทำมาหากินเลี้ยงปากเลี้ยงท้องหน่วยงานในระดับจังหวัดจนปัญญาที่จะสะสางเรื่องนี้ให้หมดไปได้ แม้จะพยายามให้ผู้ประกอบการกลุ่มนี้เข้าระบบเพื่อให้ง่ายต่อการควบคุม แต่ก็มีทั้งที่ยอมเข้าระบบและไม่ยอมเข้าระบบ ที่เข้าระบบแล้วก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่เกิดปัญหาขึ้นอีก เพราะเมื่อเร็วๆนี้ ที่หน้าโรงแรมแห่งหนึ่งในพื้นที่กะรนก็มีการปิดกั้นรถของบริษัททัวร์ไม่ให้เข้าไปรับนักท่องเที่ยวอีก
      
       15 แก๊ง นักการเมืองท้องถิ่นหนุน
      
       ธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ ออกมาระบุว่า จากการลงพื้นที่ตรวจสอบข้อมูลแท็กซี่ป้ายดำในภูเก็ต พบว่ามีมาเฟียแท็กซี่ป้ายดำกระจายอยู่ในพื้นที่ภูเก็ตทั้งหมด 15 แก๊ง โดยกระจายอยู่ตามชายหาด หน้าโรงแรม ทั้งกะรน กะตะ ป่าตอง กมลา เชิงทะเล บางเทา ในทอน สนามบินภูเก็ต ในตัวเมืองภูเก็ต และยังระบุอีกว่ามีตัวการใหญ่ที่เป็นมาเฟียแท็กซี่ป้ายดำอยู่ 2 คน แต่ไม่สามารถที่จะเปิดเผยรายชื่อได้จะมีการสอบสวนในทางลับ
      
       ขณะที่จากการสำรวจของสำนักงานขนส่งจังหวัดภูเก็ต ในช่วงของการดำเนินการตามนโยบายจังหวัดภูเก็ตที่ต้องการเอารถแท็กซี่ป้ายดำเข้าสู่ระบบ เพื่อแก้ปัญหาการข่มขู่ ทำร้ายร่างกายนักท่องเที่ยว และคิดค่าโดยสารที่แพงเกินความเป็นจริง
      
       ในช่วงปลายปี 2554 ถึงปี 2555 พบว่าในภูเก็ตมีรถแท็กซี่ป้ายดำทั้งหมด 3,554 คัน ขึ้นทะเบียนเป็นรถรับจ้างถูกต้องตามกฎหมาย 2,882 คัน และจดทะเบียนเป็นรถรับจ้าง (รถป้ายเขียว) แล้ว ตั้งแต่ปลายปี 2555 ถึงปัจจุบัน 1,133 คัน คิดเป็น 39% เหลืออีก 60% ที่ไม่ได้จดทะเบียนเป็นรถรับจ้างจากปัญหาติดจำนองกับสถาบันการเงิน
      
       จากนโยบายดังกล่าว มีการกำหนดหมายเลขรถ หมายเลขคิวรถไว้อย่างชัดเจน เพื่อให้สามารถสืบหาตัวผู้กระทำผิดได้ง่ายหากแท็กซี่ป้ายดำเหล่านั้นกระทำผิด และกำหนดราคาค่าโดยสารที่ชัดเจนให้นักท่องเที่ยวได้รับทราบ แม้ว่าราคาค่าโดยสารจะสูงมากๆ ก็ตาม
      
       ทั้งนี้เพราะรถรับจ้างในภูเก็ตสามารถรับส่งนักท่องเที่ยวได้เพียงขาเดียวเท่านั้น มาส่งนักท่องเที่ยวแล้วไม่สามารถที่จะรับนักท่องเที่ยวในพื้นที่ที่ไม่ใช่คิวของตัวเองได้อย่างเด็ดขาด เพราะแต่ละพื้นที่มีเจ้าถิ่นคุมอยู่ทั้งหมดแล้ว
      
       คิวแท็กซี่ป้ายดำในภูเก็ตกระจายอยู่ตามจุดต่างๆ ในเขตอำเภอเมืองภูเก็ตมีอยู่ประมาณ 30 - 40 คิว เป็นคิวเล็กๆ บางคิวมีรถอยู่ 2 - 3 คัน ไปจนถึง 5 - 6 คัน มีมากที่สุดในพื้นที่หาดกะตะ กะรน 10 กว่าคิว กระจายอยู่ตามหน้าโรงแรมใหญ่และชายหาด ที่กะรนจะใช้เป็นกลุ่มรถแท็กซี่ รถตุ๊กตุ๊กว่ากลุ่ม “KT” ซึ่งเป็นการรวมตัวของผู้ประกอบการรถรับจ้างทุกประเภทในพื้นที่กะตะ กะรน
      
       ส่วนที่หาดป่าตองมีประมาณ 100 คิว เป็นคิวเล็กๆ บางคิวมีรถแค่ 1 - 2 คัน บางคิว 3 - 5 คัน แต่จะไม่เกิน 10 คัน จากข้อจำกัดเรื่องพื้นที่จอดรถ กระจายอยู่ตามหน้าโรงแรม หน้าหาด ตามตรอกซอกซอย
      
       คิวใหญ่ที่สุดอยู่หน้าศูนย์การค้าจังซีลอน เรียกว่า คิวหน้าจังซีลอน ของนักธุรกิจท้องถิ่นป่าตอง และในพื้นที่ถลางมีจำนวนคิวไม่มากนัก แต่เป็นคิวขนาดใหญ่ มีรถในสังกัดคิวละ 20 - 40 คัน หน้าโรงแรมในเครือลากูน่ามีอยู่ทุกโรงแรม บางโรงแรมมีมากกว่าหนึ่งคิวด้วยซ้ำ และที่เป็นข่าวโด่งดังมีการฉุดกระชากนักท่องเที่ยวลงจากรถของสถานประกอบการโชว์ที่มีชื่อเสียงของภูเก็ตมาแล้วที่หาดในทอน ที่มีเจ้าหน้าที่ของรัฐเป็นคนดูแลคิว
      
       ที่สนามบินภูเก็ตก็เช่นกัน นอกจากปัญหาการข่มขู่นักท่องเที่ยว แล้วยังมีปัญหากลุ่มแท็กซี่ป้ายดำที่เข้าไปทำมาหากินในสนามบิน กับกลุ่มรถลีมูซีน ที่ได้รับสัมปทานจากท่าอากาศยานฯอยู่เนืองเช่นกัน
      
       แหล่งข่าวจากวงการทัวร์ในพื้นที่กะรนรายหนึ่งระบุว่า การที่แท็กซี่ป้ายดำทำตัวเป็นผู้มีอิทธิพลไม่เกรงกลัวอำนาจรัฐ เนื่องจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้ง จังหวัด ตำรวจ ท้องถิ่น ขนส่ง ไม่เอาจริงเอาจังในการบังคับใช้กฎหมายขั้นเด็ดขาดกับกลุ่มนี้ ที่รวมตัวกันอย่างเหนียวแน่นเป็นกลุ่มก้อนใหญ่มีอำนาจต่อรองกับภาครัฐ รวมถึงมีนักการเมืองท้องถิ่นหนุนหลัง ไม่กล้าเข้าไปจัดการอะไร เพราะกลัวเสียฐานเสียงในการเลือกตั้ง
      
       “อย่างที่กะรนบนถนนปฎัก ตั้งแต่หน้าโรงแรมฮิลตันตลอดสายไปจนถึงวงเวียนกะรน เลียบถนนชายหาดไปหาดกะตะและไปจนถึงโรงแรมเซ็นทาร่า จะมีคิวแท็กซี่ป้ายดำตั้งอยู่หน้าโรงแรมใหญ่ๆ ทุกโรงแรม มีตั้งแต่คิวละ 2 - 3 คัน ไปจนถึงคิวละ 5 - 6 คัน โดยจะมีการขึ้นป้ายคิวรถแท็กซี่ ตุ๊กตุ๊ก “KT” ซึ่งเป็นคิวของชมรมรถแท็กซี่และตุ๊กตุ๊กหาดกะตะ กะรน โดยก่อนหน้านี้มี สจ.คนหนึ่งเป็นประธานกลุ่ม แต่ขณะนี้ได้เปลี่ยนเป็นนาย ต.ไปแล้ว” แหล่งข่าวกล่าวและว่า
      
       ตั้งแต่วงเวียนกะรนไปจนตลอดหาดกะรนรถจากข้างนอกไม่มีสิทธิ์เข้ามารับนักท่องเที่ยวเลย นักท่องเที่ยวจะต้องใช้บริการรถแท็กซี่ป้ายดำในพื้นที่เท่านั้น อย่างกรณีที่เคาน์เตอร์ทัวร์ต่างๆ ขายทัวร์นักท่องเที่ยวไปดูมวย ดูโชว์ ซึ่งในราคาทัวร์จะรวมค่ารถไว้ด้วย รถตู้ของสนามมวยหรือร้านโชว์มารับนักท่องเที่ยวไม่ได้ กลุ่มแท็กซี่ป้ายดำจะดึงคนขับลงจากรถไม่ได้ขับออกไป
      
       ขณะที่ถ้าขายทัวร์ไปแล้วให้รถตู้จากข้างนอกมารับนักท่องเที่ยวในกะรนบริเวณนี้ สนามมวย ร้านโชว์ จะไม่เข้ามารับ หากนักท่องเที่ยวต้องการจะไปต้องหารถไปเอง เพราะเกรงกลัวอิทธิพลของแท็กซี่ป้ายดำมาก ซึ่งก็เหมือนกันทุกพื้นที่ในภูเก็ต ที่กลุ่มแท็กซี่ป้ายดำหรือตุ๊กตุ๊ก กระทำกับนักท่องเที่ยวโดยไม่เกรงกลัวกฎหมาย เพราะมีอำนาจมีนักการเมืองท้องถิ่นอยู่ข้างหลัง ไม่กล้าที่จะจัดการอะไร เพราะเกรงว่าจะเสียฐานเสียง หรือไม่บางคิวเจ้าหน้าที่ของรัฐเป็นคนคุมเสียเอง
      
       แท็กซี่ป้ายดำที่ดีๆ ก็มีที่ให้บริการนักท่องเที่ยวด้วยความประทับใจ สร้างภาพลักษณ์ที่ดีต่อการท่องเที่ยวของภูเก็ต เช่น นักท่องเที่ยวลืมเงินและของมีค่าไว้ในรถก็นำไปส่งคืน แต่ภาพที่เป็นข่าวออกไปนั้น ล้วนแต่เป็นภาพในเชิงลบ ทำให้แท็กซี่ป้ายดำเสียหายทั้งหมด เหมือนคำสุภาษิตที่ว่า ปลาเน่าตัวเดียวเหม็นทั้งข้อง
      
       ดีเอสไอ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา รวมไปถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะแก้ปัญหาแท็กซี่ป้ายดำทำตัวเป็นมาเฟียในภูเก็ตได้เหมือนกับท่าที่ที่ได้ประกาศกร้าวไว้ในเวลานี้ได้มากน้อยแค่ไหน คนทั้งประเทศกำลังรอดูอยู่ เพราะแท็กซี่ป้ายดำทำตัวเป็นมาเฟียเป็นปัญหาเรื้อรังที่ฝังรากลึกอยู่คู่กับการท่องเที่ยวของภูเก็ตมายาวนาน


ข้อมูลจาก.. ASTVผู้จัดการออนไลน์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ความคิดเห็นทั่วไป ใช้คำสุภาพ