วันเสาร์ที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

พบ 64 บริษัทต่างชาติในภูเก็ตเข้าข่ายนอมินี เอกชนหนุน DSI ฟันมาเฟีย



พบบริษัทต่างชาติเข้าข่ายใช้คนไทยเป็นนอมินีในภูเก็ตแล้ว 64 ราย ใช้สำนักงานบัญชีและกฎหมายเป็นที่ตั้ง แถมพนักงานเป็นกรรมการอีกต่างหาก ขณะที่เกาหลี และรัสเซียทำธุรกิจท่องเที่ยวครบวงจรรายได้ตกแก่คนไทยน้อยมาก ด้านเอกชนตอบรับดีเอสไอตรวจสอบธุรกิจต่างชาติ จะได้สกรีนไม่ดีทำตัวเป็นมาเฟียออกไป พร้อมวอนภาครัฐบังคับใช้กฎหมายเคร่งครัด
      
       ปัญหาต่างชาติเข้ามาทำธุรกิจ และทำตัวเป็นมาเฟียในภูเก็ต กลับมาเป็นข่าวโด่งดังอีกครั้ง เมื่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา นายสมศักดิ์ ภูรีศรีศักดิ์ พร้อมด้วย นายสุวัตร สิทธิหล่อ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เข้ายื่นหนังสือต่อ นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ เพื่อร้องทุกข์กล่าวโทษให้ดำเนินคดีต่อกลุ่มมาเฟียต่างชาติใน จ.ภูเก็ต หลังเข้ามาตั้งบริษัทนอมินีประกอบธุรกิจทัวร์ท่องเที่ยวโดยกีดกันคุกคามคนไทยไม่ให้บริการนักท่องเที่ยวต่างชาติ
      
       โดยการร้องทุกข์กล่าวโทษในครั้งนี้ ได้พุ่งเป้าไปที่คนต่างชาติสัญชาติเกาหลี และรัสเซีย ที่เข้ามาทำตัวเป็นมาเฟีย และประกอบธุรกิจคุกคามไปตามพื้นที่ต่างๆ ทั่วทั้งเกาะภูเก็ต เช่น หาดป่าตอง หาดกะตะ กะรน หาดบางเทา โดยกลุ่มชาวต่างชาติเหล่านี้จะเข้ามาทำธุรกิจท่องเที่ยวแบบครบวงจร ตั้งแต่รถรับส่งนักท่องเที่ยว ร้านอาหาร สปา ร้านนวด ร้านจำหน่ายของที่ระลึก เคาน์เตอร์ทัวร์ แม้แต่ร้านซักรีดก็ยังเปิดให้บริการ จะใช้บริการของคนไทยเพียงโรงแรมเท่านั้น รายได้ที่เกิดจากนักท่องเที่ยวทั้งกลุ่มรัสเซีย และเกาหลีแทบที่จะไม่ได้ตกถึงคนไทยท้องถิ่นภูเก็ต และกิจการที่เป็นของคนไทยเลย
      
       ยิ่งไปกว่านั้น ในส่วนของกลุ่มรัสเซีย ยังได้มีปัญหากับผู้ประกอบการท้องถิ่นภูเก็ตในหลายพื้นที่ด้วยกัน เช่น ที่หาดกะรน และหาดเบาเทา ที่มีการเปิดเคาน์เตอร์ทัวร์ขายแข่ง และตัดราคากับผู้ประกอบการท้องถิ่น สั่งห้ามนักท่องเที่ยวรัสเซียใช้บริการรถแท็กซี่ของคนท้องถิ่น จนมีการประท้วง และร้องเรียนมายังจังหวัดภูเก็ตไปแล้วก่อนหน้านี้ แต่ปัญหาดังกล่าวก็ยังไม่ได้รับการแก้ไขที่เป็นรูปธรรม
      
       จากการสอบถามไปยัง นายนิมิตร ฆังคะจิตร หัวหน้าสำนักงานพัฒนาธุรกิจการค้าจังหวัดภูเก็ต พบว่า ขณะนี้มีการมาขอจดทะเบียนจัดนตั้งห้างหุ้นส่วน และบริษัทเดือนละ 150 ราย และตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-9 ก.ค. มีการขอจดทะเบียนเป็นห้างหุ้นส่วน จำนวน 150 ราย และขอจดทะเบียนจัดตั้งบริษัท จำนวน 800 ราย ซึ่งเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันประมาณ 4% ส่วนใหญ่เป็นธุรกิจเกี่ยวกับเรื่องของการค้าส่ง ค้าปลีก ให้บริการ ต่อเนื่องการท่องเที่ยว และอสังหาริมทรัพย์ อย่างไรก็ตาม สำหรับยอดขอจดทะเบียนจัดตั้งบริษัท และห้างหุ้นส่วนในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตอยู่ที่ 18,000 ราย แต่ที่ยังเปิดดำเนินการอยู่จริงๆ อยู่ประมาณ 15,000 ราย
      
       จากการตรวจสอบบริษัทที่จดทะเบียนจัดตั้งบริษัท และห้างหุ้นส่วนที่มีชาวต่างชาติถือหุ้นพบว่า ในส่วนของรัสเซีย มีการขอจดทะเบียนจัดตั้งบริษัท จำนวน 171 บริษัท อันดับ 1 เป็นธุรกิจเกี่ยวกับเช่า ขาย ซื้อ อสังหาริมทรัพย์ รองลงมาเป็นธุรกิจเกี่ยวกับการท่องเที่ยวและร้านอาหาร ขณะที่ในส่วนของบริษัทที่มีชาวเกาหลีถือหุ้นพบว่า มีการขอจดทะเบียนบริษัท จำนวน 171 ราย ประกอบธุรกิจด้านการท่องเที่ยว 47 ราย ร้านอาหาร 17 ราย อสังหาริมทรัพย์ 12 ราย ที่เหลือกระจายไปตามธุรกิจอื่นๆ
      
       ส่วนปัญหานอมินีนั้น ต้องดูที่การกระทำ ทั้งเรื่องเอกสารการเงิน เส้นทางการเงินมาประกอบ ซึ่งเรื่องนี้จะต้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และมีอำนาจเข้ามาตรวจสอบ ที่ผ่านมา ทางกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ได้ส่งคณะทำงานป้องปรามการช่วยเหลือการประกอบธุรกิจคนต่างด้าวโดยหลีกเลี่ยงกฎหมาย ลงมาตรวจสอบบริษัทที่มีคนต่างชาติถือหุ้นที่เข้าข่ายต้องสงสัย 82 แห่ง พบ 64 บริษัทที่จะต้องมีการตรวจสอบในเชิงลึกว่า เข้าข่ายการเป็นนอมินีหรือไม่ โดยบริษัทเหล่านี้ใช้ที่ตั้งของสำนักงานบัญชีและกฎหมายเป็นที่ตั้งสำนักงาน และใช้พนักงานเป็นกรรมการซ้ำๆ และ 11 บริษัท ไม่สามารถที่จะติดต่อได้ ซึ่งทางสำนักงานฯ ได้ลงไปตรวจสอบในพื้นที่แล้ว พบว่า บางแห่งมีการเช่า และได้ย้ายออกไป เป็นต้น
      
       ขณะที่นายภูริต มาศวงศ์ศา อุปนายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า ผู้ประกอบการเห็นด้วยที่ทางดีเอสไอจะเข้ามาคลี่คลายปัญหาที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะกรณีที่บุคคลต่างด้าวกระทำผิดกฎหมายไทยในลักษณะต่างๆ โดยจะต้องมีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด
      
       “อยากจะให้ดีเอสไอ หรือเจ้าหน้าที่บ้านเมืองเข้ามาดำเนินการอย่างจริงจัง มีการบังคับใช้ตามกฎหมายทุกช่องทางที่มีอยู่อย่างเต็มที่ เพราะผู้ประกอบการท่องเที่ยวมองว่า เป็นสิ่งที่ดี ควรจะมีการคัดกรองกลุ่มนักธุรกิจที่ดี เหมาะสมให้คงอยู่ต่อไปในพื้นที่ภูเก็ต การเคลียร์ปัญหาที่บุคคลทั่วไปมองว่าเป็นการตั้งตนเป็นผู้มีอิทธิพล จ่ายผลประโยชน์เบี้ยบ้ายรายทางให้แก่พนักงานเจ้าหน้าที่บางหน่วยงาน ควรให้ภาพลักษณ์นี้หมดไปจากเกาะภูเก็ตได้แล้วนายภูริต กล่าวในที่สุด
      
       อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 19 ก.ค.56 นายไมตรี อินทุสุต ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ได้เรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหารือถึงปัญหาที่เกิดขึ้น เพื่อรวบรวมข้อมูลทั้งหมดหารือร่วมกับทางดีเอสไอที่จะลงพื้นที่ภูเก็ตในวันที่ 25 ก.ค.นี้ 


ข้อมูลจาก.. ASTV Manager ภาคใต้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ความคิดเห็นทั่วไป ใช้คำสุภาพ